คำนิยมจากหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด

คำนิยมจากหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด
Taifudo Academy - โรงเรียนศิลปศาสตร์การป้องกันตัวไทยหัตถยุทธ หรือ ไทฟูโด รับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ
taifudo book29 Web V

จากใจผู้เรียบเรียงในหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด

หลายปีที่รอให้มีหนังสือประวัติตัวเอง ทำไมนะเหรอ?

  1. เพราะเวลาเล่าประวัติตัวเองให้ลูกศิษย์ฟังหรือเพื่อนที่สนใจฟัง ทุกคนจะงงๆ เรื่องห้วงเวลา ในการฝึกมวยและชื่อครูบาอาจารย์ที่ผมกล่าวถึง ซึ่งเป็นการยากที่จะเข้าใจ
  2. ผู้ที่ฝึกฝนกับผมหรือผู้สนใจ จะได้รู้ว่าผมเรียนมวยมาจากที่ใด กับครูบาอาจารย์ท่านใด เมื่อพวกเขารู้จะได้ทราบต้นสายมวยของผมและหากมีโอกาสที่พวกเขาได้พบต้นสายมวย จะได้ไม่ไปอวดดีกับต้นสายมวยหรืออยากจะต่อวิชาให้กลับไปต่อจากสายมวยที่ผมได้กล่าวไว้
  3. ได้เป็นแนวทางให้ผู้สนใจที่ได้อ่าน สามารถนำไปเป็นข้อคิดและแนวทางเลือกว่าตนเองน่าจะเหมาะกับมวยอะไร จะได้เลือกเรียนให้ตรงแนวทางที่ตนชอบ ไม่ต้องไปเสียเวลาแบบผม

ผมต้องใช้เวลาหลายปี เอาตัวเองเป็นห้องสมุดที่มีชีวิต ฝึกฝนมวยในหลายแขนงวิชา สิ่งที่น่าเสียดายคือภูมิปัญญาของครูอาวุโส ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตสั่งสมประสบการณ์ กลั่นกรองจนตกผลึก ผมจึงใช้เวลาที่หาโอกาสได้ เอาตัวเองไปรับภูมิปัญญาจากครูอาวุโสหลายๆ ท่าน แต่ก็ยังอยู่บนพื้นฐานของ “การมีบุญ วาสนาต่อกัน” ด้วย เมื่อมีโอกาสพบเจอจะรีบไขว่คว้าโอกาสนั้น “ผมจึงใช้ตัวเองเป็นห้องสมุดที่มีชีวิต”

  • ขอบคุณโอกาส ดีดี
  • ขอบคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้
  • ขอบคุณ คุณแม่รัศมี อัจฉริยะฉาย ที่ให้บ้านมาทำโรงยิม เพื่อให้ลูกชาย ได้ประกอบสัมมาอาชีพ ที่ตนรัก
  • ขอบคุณพี่โจแรงเยอร์นำพาให้ผมได้รู้จักกับพี่สมิธ บก.หนังสือ GB
  • ขอบคุณพี่สมิธ ที่ให้โอกาสผมได้เขียนบทความลงคอลัมน์ในหนังสือ GB และชี้แนะแนวทางในการรวมเล่มหนังสือ “ศาสตร์ไทฟูโด”
  • ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการวิทยายุทธไทย ที่ให้กำลังใจและสนับสนุนให้เขียนบทความจนมีหนังสือเล่มนี้
  • ขอบคุณทีมงานดีดี ของหนังสือ GB ทุกท่านที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น
  • ขอบคุณแค็ทรีญา อัจฉริยะฉาย ภรรยาที่อดทนและคอยอยู่เคียงข้าง ทำให้มีบทความและหนังสือขึ้นมาได้
  • ขอบใจลูกศิษย์ของผมทุกคนที่ร่วมใจกัน สนับสนุนให้หนังสือเล่มนี้คลอดออกมา
  • ขอบคุณวันดีดี ที่ทุกคนให้กำลังใจและช่วยเหลือ ขอบคุณครับ

ด้วยรักจากใจ
ชีวิน อัจฉริยะฉาย
(24 มกราคม พ.ศ.2563)

คำนิยมจากชาครีย์ เชาวนสมิทธ์ ในหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด

หนังสือรายเดือน GB : Guns & Blades ที่ผมทำมาเกือบสิบปีนั้น ตั้งปณิธานชัดเจนเป็นธงนำไว้คือ ส่งเสริมและยกย่องผู้มีความสามารถเรื่องราวของ ปืน นั้นคือสิ่งที่มนุษย์ผู้มีความสามารถสร้างขึ้นเป็นงานโลหะอันทรงเสน่ห์ เช่นเดียวกับ มีด ทั้งจากต่างประเทศและผลงานของช่างมีดไทย ที่ถ่ายทอดแนวคิดสรรค์สร้างผลงานนำเสนอ

อาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย เป็นผู้มีความสามารถอีกท่านหนึ่งที่ผมให้การยกย่องเสมอมา ผมรู้จักและสัมผัสผลงานท่านมาในห้วงเวลาเกือบทศวรรษ พบกันถึงตัวตน และผ่านงานเขียนที่ท่านนำเสนอผ่านหน้าหนังสือ GB ต่อเนื่องมายาวนานหลายปีซึ่งเป็นการรวบรวมบทบันทึกที่มีคุณค่า และมีจำนวนเรื่องราวที่มากพอสำหรับการนำมารวมเล่ม เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาและอ้างอิงค้นคว้าสืบไปสำหรับผู้สนใจ หนังสือฉบับพิเศษที่รวบรวมผลงานของ อ.ชีวิน เป็นความภาคภูมิใจของตัวท่านเองซึ่งเป็นผู้เรียบเรียง และผมผู้สนับสนุนให้ท่านทำการรวมเล่ม ด้วยความเชื่อมั่นว่านี่คือ หนังสือฯ ที่ทรงคุณค่าของวงการศึกษาสายมวยจีน ซึ่งถึงวันนี้ยากนักที่จะหาผู้ใดหาญกล้าจัดทำขึ้นมาขอแสดงความยินดี ที่ท่านอ่านมาจนถึงท้ายเล่มนี้ จะมากน้อย

นี่คือการอ่านหนังสือ อันจะนำคุณประโยชน์มาสู่ตัวท่านเอง หากนำไปฝึกฝนปฏิบัติตามยิ่งเพิ่มพูนคุณค่า และขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันผลักดันให้หนังสือฯ เล่มพิเศษนี้ มีที่หยัดยืนในเส้นทาง

ชาครีย์ เชาวนสมิทธ์
Mr.Smith : GB EDITOR
(13 เมษายน พ.ศ.2563)

คำนิยมจากวาทิต ชาติกุล ในหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด

ผมได้ยินชื่อ อาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย มานานแล้วเมื่อครั้งสมัยที่ตนเองไปฝึกมวยที่เยาวราชโดยได้ยินจากอาจารย์และรุ่นน้องอาจารย์ชีวิน พี่ๆ ที่ช่วยฝึกสอน ทุกคนเล่าถึงฝีไม้ลายมือที่ยอดเยี่ยมของอาจารย์ชีวินให้ฟังในตอนนั้นผมอดที่จะทึ่งไม่ได้เพราะขนาดรุ่นน้องอาจารย์ชีวินพี่ๆ ร่วมสำนักก็ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาทุกคน

สมัยนั้นพวกเราฝึกกันหนักหน่วงมากๆ เพราะทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เรานัดฝึกกันตั้งแต่หกโมงเย็น ฝึกไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก บางทีไปเลิกเอา ตี 4 ตี 5 แล้วยังนัดฝึกแยกตามบ้านพี่ๆ น้องๆ ตามความสะดวก ตอนนั้นผมเองก็ชื่นชอบกับวิถีแห่งดาบญี่ปุ่น เลยไปฝึกเคนโดที่โรงยิมเก่าของคณะครุศาสตร์ เอกพละศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเรียกได้ว่าฝึกทั้งหมัดมวย ฝึกทั้งอาวุธในรูปแบบกีฬา นับได้ว่าช่วงนั้นจากฝีมือที่เป็นศูนย์ของผม พัฒนาไปไกลมากเพราะมีคนขอผลักมือด้วยที่สวนลุมพินี

ผมได้พบกับอาจารย์ชีวินครั้งแรกในปี พ.ศ.2546 หลังจากที่ผมตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านที่นครศรีธรรมราชได้ประมาณ 6 เดือน ผมจำได้ว่าเมื่อเจอครั้งแรก มีความประทับใจในตัวอาจารย์ชีวินอย่างมากชายร่างสูงโปร่งรูปร่างสันทัดกล้ามเนื้อแน่น พาผมไปทานบะหมี่ชื่อดัง แล้วซักถามเรื่องมวยตามธรรมเนียมของคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน อาจารย์ชีวินได้โทรไปหาอาจารย์ของผม (อาจารย์พูน) แล้วบอกว่าผมมาขอต่อมวย แล้วพาผมไปยังโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวแห่งหนึ่ง แล้วสั่งให้ลูกศิษย์สอนแทน ส่วนตัวอาจารย์ชีวินมาผลักมือกับผมเพื่อทดสอบทักษะ

และในวันนั้นเองที่ผมพบว่า การฟังแรงอย่างละเอียดเป็นอย่างไร ผมพยายามส่งแรงและออกอาวุธในรูปแบบต่างๆ แต่ผมกลับยืนนิ่งไม่สามารถออกอาวุธได้เพราะอาจารย์ชีวินดักทางไว้ทั้งมือและเท้า เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าผมจะออกอาวุธแบบไหน และที่สำคัญกว่านั้นคือการยืมแรงขาของผมมาพลิกตัวเตะเข้ายอดอกจนผมกระเด็นไปติดข้างฝา บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นผมแทบจะลุกไม่ไหว แต่ด้วยความอายลูกศิษย์ของอาจารย์ชีวิน เลยกัดฟันยืนขึ้นเพื่อฝึกต่อ อาจารย์ชีวินถามว่า “เจ็บมั้ย” ผมพยักหน้าแล้วอาจารย์ชีวินยื่นมือมาในลักษณะเตรียมพร้อม ผมยกมือขึ้นแตะและเตรียมใจรับความเจ็บมากกว่านี้

แต่ครั้งนี้ผิดคาด ตรงที่อาจารย์ชีวินสาธิตการฟังแรง การรับแรง การยืมแรงในรูปแบบต่างๆ ที่ผมเคยเห็นแต่ในหนังสือและในหนัง ไม่ว่าจะเป็นการสะบัดตัวสลายแรงแล้วโจมตีกลับ (ฉันซื่อจิ่ง) การหยุ่นตัวแล้วส่งแรงกลับ (หมี่กง) การออกหมัดออกอาวุธแบบมวยหย่งชุน มวยตั๊กแตน มวยสกุลหง มวยไทจี่สายอื่นๆ นับได้ว่าเป็นความประทับใจแรกที่ผมมีต่ออาจารย์ชีวินเป็นอย่างมากสิ่งหนึ่งที่ผมได้พบในตัวอาจารย์ชีวินนอกเหนือจากความเก่งมวยเก่งอาวุธแล้ว คือความมีน้ำใจ ความเปิดกว้างให้ทุกคนที่สนใจมวยและศิลปะป้องกันตัว การแสวงหาความเป็นมิตรกับผู้คนที่รายรอบเข้ามาหา เมื่อครั้นสนิทกันมากเข้าก็พบว่าภูมิหลังของผมกับอาจารย์ชีวินแทบไม่ต่างกันเลย คือเป็นเด็กอ่อนแอที่ถูกรังแก เพียงแต่ผมเลือกที่จะหลีกหนีเข้าห้องสมุดคนเดียวไม่ยุ่งกับใครนอกจากหนังสือ

ในขณะอาจารย์ชีวินเลือกที่จะสู้กับการถูกรังแก เลือกที่จะเจ็บเพื่อที่แข็งแรงกว่าศัตรูและแน่นอนว่าทัศนคติของครูและผู้ใหญ่ในเวลานั้น ย่อมมองเห็นว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กมีปัญหาและโดยมากแล้วมักจะเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง หัวดื้อ ถนัดแต่กิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเรียน เช่นกีฬา ดนตรี ศิลปะ แต่ผู้ใหญ่กลับไม่ได้มองไปถึงต้นตอของปัญหาที่แท้จริงว่าปัญหาเกิดจากอะไร และลืมไปว่าเด็กแต่ละคนย่อมมีดีของตนเอง มีทิศทางที่จะส่งเสริมไปในที่ถูกต้องโดยทัศนคติที่ถูก
เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ ณ วันนี้ ในประเทศไทยอาจารย์ชีวินได้พิสูจน์แล้วว่า เด็กชอบเล่นกีฬาคนหนึ่ง ชอบศิลปะป้องกันตัว ชอบดาบ ชอบมวยและศาสตร์สงครามแต่โบราณของสยาม ได้สถาปนามวย “ไทฟูโด” ขึ้นมาโดยวางแนวทางการฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวได้อย่างมีระบบ ระเบียบมากที่สุด ใช้เลี้ยงชีพเลี้ยงตัวเลี้ยงตนโดยไม่จำเป็นต้องทำอย่างอื่น มีลูกศิษย์อีกนับพันนับหมื่น ไทฟูโดคือศาสตร์ป้องกันตัวแบบใหม่ที่อาจารย์ชีวินคิดขึ้นมา และมีวิถีอนุรักษ์นิยมผสมการปรับใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมใช้ระบบการเลื่อนขั้นด้วยสายคาดเอวจากญี่ปุ่นแต่ยึดถือธรรมเนียมการยกน้ำชารับศิษย์แบบจีนในขณะเดียวกันยึดมั่นในมารยาทแบบสังคมไทยมุ่งเน้นความกตัญญู

ผมเฝ้ามองอาจารย์ชีวินอยู่ห่างๆ ซึ่งขณะนั้นอาจารย์ชีวินกำลังโลดแล่นในวงการบันเทิงโดยเป็นครูผู้ฝึกสอน โทนี่ จา ที่โด่งดังจากภาพยนตร์หลายเรื่องและคงโลดแล่นในภาพยนตร์หลายเรื่อง ละครซีรีย์ชื่อดังที่เข้าถึงสังคมวัยรุ่นยุคนี้มากเป็นประวัติการณ์

ผมเองแม้จะเก่งอย่างอาจารย์ชีวินไม่ได้ แต่มาพิจารณาตนเอง ผมสามารถที่จะรองรับและสนับสนุนอาจารย์ชีวินฯได้ ซึ่งถ้ามีโอกาสก็จะทำอย่างเต็มความสามารถ จนวันหนึ่งอาจารย์ชีวินโทร.หาผมหลังจากเสร็จงานอารักขาบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง บอกความประสงค์ว่า “จะทำซีรีย์หนังแอคชั่น” ให้ออกมาเจอที่โรงแรมที่อาจารย์ชีวินพักอยู่

อาจารย์ชีวินถามว่าผมมีแนวคิดอย่างไรบ้าง สิ่งที่ผมตอบไปได้ขณะนั้น คือในเมื่อสิ่งที่อาจารย์ชีวินชำนาญที่สุดคือศิลปะป้องกันตัว ทำไมไม่เอาคนเป็นมวย เป็นศิลปะป้องกันตัวจริงๆ มาเล่นเลย เพราะอาจารย์ชีวินปั้นคนอื่นเป็นดาวเด่นมากมาย ซึ่งอาจารย์ชีวินฯ เห็นด้วย ประเด็นถัดมาคือจะเอาเรื่องอะไรมาทำ ผมเสนอไปว่าเรื่องที่อาจารย์ชีวินรู้ดีที่สุดกับเรื่องที่ต้องคิดขึ้นมาใหม่ หากันใหม่ อะไรง่ายกว่ายากกว่า

ใช่ครับ ผมเสนอเรื่องของ ไทฟูโด สถาบันศิลปะป้องกันตัวแห่งเดียวในประเทศที่ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการและมีชื่อเสียงไปถึงมาเลเซีย สิงค์โปร์และเรื่องราวของอาจารย์ชีวินเด็กถูกรังแกคนหนึ่งที่ประสบพบเจอมาตั้งแต่เด็กจนมาได้แชมป์คาราเต้ ไทยแลนด์ โอเพนต์ ครั้งแรก จนกลายมาเป็นผู้สถาปนาวิชา ไทฟูโด ขึ้นมา มีทิ้งท้ายของแต่ละตอนด้วยบุคคลจริงที่อ้างถึง ไปจนถึงสารคดีศิลปะป้องกันตัวแต่ละอย่าง ถือกำเนิดขึ้นมาในประเทศไทยได้อย่างไร

ในครั้งนั้น แม้หลักคิดของเรา เรื่องเอาคนมีวิชามาเล่นจริง และเรื่องราว “ไทฟูโด” จะประทับใจทุกฝ่าย แต่อาจจะเป็นเพราะเราเร่งรีบไป บทเลยไม่ผ่าน แต่หากมองในแง่มุมที่ดี นั่นคือการได้กลับมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งผลของการเริ่มใหม่ก็คือหนังสือที่อยู่ในมือท่านขณะนี้ ที่มีเรื่องราวของอาจารย์ชีวิน หลักปรัชญาไทฟูโด และศาสตร์โบราณอย่างอักขระเลขยันต์ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องราวเหล่านี้จะถูกพัฒนาเป็นบทละครซีรีย์ เผยแพร่สู่สายตาทุกท่านอีกครั้งหนึ่งและเมื่อถึงวันนั้น อาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย (พยัคฆ์ขาวแดนใต้) เด็กที่ถูกรังแกชอบเล่นกีฬา อาจจะผงาดศักดิ์ศรีได้อย่างไม่แพ้ใคร

วาทิต ชาติกุล
นักเขียนบทภาพยนตร์รางวัลดีเด่น
(กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ.2562)

คำนิยมจากนายแพทย์บัญชา แดงเนียม ในหนังสือศาสตร์แห่งไทฟูโด

ข้าพเจ้ามีความสนใจในวิชาศิลปศาสตร์การป้องกันตัวมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น และมีโอกาสได้เรียน “ไอคิโด” อยู่ช่วงหนึ่งจนกระทั่งเข้ามาเป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่หาดใหญ่ แน่นอนว่าชมรมที่ข้าพเจ้าเลือกเข้าร่วมคือ ชมรมป้องกันตัวซึ่งในขณะนั้นเล่นแต่ “ไอคิโด” เพียงอย่างเดียว พอขึ้นชั้นปีที่ 3 ในปี พ.ศ.2539 ก็ได้พบกับท่านอาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมผสานนั้นเป็นอย่างไร ที่มากไปกว่านั้นคืออาจารย์บอกว่าทุกท่วงท่ามี “ไท่เก๊ก” อยู่ในนั้น แน่นอนว่าเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับข้าพเจ้า แต่ต้องทิ้งมวยที่เรียนมาทั้งหมดแล้วเริ่มใหม่แบบเด็กน้อย

ข้าพเจ้าใคร่ครวญอยู่พักใหญ่จึงได้ตัดสินใจขอมอบตัวเป็นศิษย์ในศาสตร์การป้องกันตัวแบบผสมผสานที่ท่านอาจารย์ชีวิน ได้ทุ่มเททั้งชีวิตคิดค้นออกแบบจนตกผลึกมาเป็น “ศิลปศาสตร์การป้องกันตัว ไทยหัตถยุทธไทฟูโด ไท่เก๊ก” หลายปีที่ฝึกฝนจนถึงขั้น “สายดำดั้งสาม” สิ่งหนึ่งที่ค้นพบด้วยตนเองคือสรรพวิชาที่ ท่านอาจารย์ชีวิน ได้ตกผลึกมาถ่ายทอดให้ศิษย์นั้น มิใช่ ศิลปะการป้องกันตัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น “ศิลปะการป้องกันใจ” ให้รู้จักอดทน อดกลั้น อ่อนน้อม ถ่อมตน ครองสติมั่นในทุกๆ สถานการณ์

เมื่อท่านอาจารย์ มีดำริที่จะเขียนหนังสือ เพื่อถ่ายทอดความรู้ที่อาจารย์คิดค้นขึ้น ให้เป็นที่แพร่หลาย ข้าพเจ้าจึงไม่รีรอที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการสนับสนุนงานของอาจารย์ชิ้นนี้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายนำไปอ้างอิงและทบทวนฝึกฝน ให้มีความชำนาญสืบไป

ด้วยความนับถือยิ่ง
นายแพทย์บัญชา แดงเนียม
(เลขาธิการสมาคมเซลล์บำบัดไทย)

ติดต่อเรา

หมวดหมู่ : หนังสือ
Taifudo Academy - โรงเรียนศิลปศาสตร์การป้องกันตัวไทยหัตถยุทธ หรือ ไทฟูโด รับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ

บทความและข่าวสารอื่นๆ

อุปกรณ์ฝึกมวย เช่น กระสอบทราย, นวมมวย, และเป้าซ้อม ที่ใช้สำหรับการฝึกทักษะและเพิ่มความแข็งแรงในการต่อสู้
การเรียนมวยไทยเป็นการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของไทย และหากคุณกำลังมองหาคอร์สเ...
Taifudo Academy - โรงเรียนศิลปศาสตร์การป้องกันตัวไทยหัตถยุทธ หรือ ไทฟูโด รับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ
วูซู (Wushu) หรือที่รู้จักในชื่อกังฟู (Kung Fu) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน วูซูไม่...
Taifudo Academy - โรงเรียนศิลปศาสตร์การป้องกันตัวไทยหัตถยุทธ หรือ ไทฟูโด รับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ
กังฟูเส้าหลินเป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ศิลปะการต่อสู้นี้...
อุปกรณ์ฝึกมวย เช่น กระสอบทราย, นวมมวย, และเป้าซ้อม ที่ใช้สำหรับการฝึกทักษะและเพิ่มความแข็งแรงในการต่อสู้
กระสอบทรายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่นักมวยและผู้ฝึกซ้อมใช้เพื่อพัฒนาทักษะการต่อสู้และความแข็งแกร่งของร่างกา...
Taifudo Academy - โรงเรียนศิลปศาสตร์การป้องกันตัวไทยหัตถยุทธ หรือ ไทฟูโด รับรองหลักสูตรโดยกระทรวงศึกษาธิการ
นวมมวยเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในการชกมวย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน นวมมวยมีบทบ...
dark-style-ninja-naruto (Web H)
หวง เฟย์หง หรือ หว่อง เฟ้ย์ห่ง เป็นปรมาจารย์กังฟูที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน มีชื่อเสียงเป็นที่...