ไทฟูโดครบเครื่องเรื่องการต่อสู้ป้องกันตัว พัฒนาโดยอาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย

ไทฟูโด (Taifudo) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างศาสตร์การป้องกันตัวหลายแขนง ซึ่งพัฒนาโดยอาจารย์ชีวิน อัจฉริยะฉาย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย มวยจีน ไทเก๊ก เทควันโด และอื่นๆ ไทฟูโดครบเครื่องเรื่องการต่อสู้ป้องกันตัวทั้งการใช้หมัด เท้า เข่า ศอก รวมถึงการคว้าหักและจับทุ่ม โดยไม่เน้นการใช้แรงกระแทก แต่ใช้หลักการมวยอ่อน ย้อนแรง ยืมแรง และผ่อนแรง ทำให้ไทฟูโดเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย การฝึกฝนไทฟูโดไม่เพียงเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันตัว แต่ยังส่งเสริมการมีสติและความอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย ไทฟูโดจึงเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ตอบโจทย์ทั้งการป้องกันตัว สุขภาพ และการพัฒนาตนเองในทุกด้าน

หัวข้อ

ไทฟูโดครบเครื่องเรื่องการต่อสู้ป้องกันตัว

ไทฟูโดเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ครบเครื่อง จุดเด่นของมันคือการผสมผสานทักษะการต่อสู้ด้วยหมัด เท้า เข่า ศอก รวมถึงการคว้าหักและจับทุ่ม ศาสตร์เหล่านี้ถูกถ่ายทอดอย่างลงตัวโดยไม่เน้นแรงกระแทก แต่อาศัยหลักการของวิชามวยอ่อน ซึ่งประกอบด้วยการย้อนแรง ยืมแรง และผ่อนแรง ทำให้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

หลักคำสอนของไทฟูโด : “ไทฟูโดฝึกฝนเพื่อสุขภาพและการป้องกันตัว หากใช่มุ่งเน้นการต่อสู้และเอาชนะ หากแต่ให้มีสติและอ่อนน้อมถ่อมตน”

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการเรียนไทฟูโด

เพิ่มสัญชาตญาณและศักยภาพในการป้องกันตัว : การเรียนไทฟูโดจะช่วยพัฒนาสัญชาตญาณและความสามารถในการต่อสู้และป้องกันตัว
เสริมสร้างสุขภาพร่างกายแข็งแรง : การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย
เสริมบุคลิกภาพและความเป็นผู้นำ : การเรียนไทฟูโดช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีและพัฒนาความเป็นผู้นำ
ฝึกฝนสมาธิและการควบคุมอารมณ์ : การฝึกไทฟูโดช่วยพัฒนาสมาธิในการเคลื่อนไหวและการควบคุมอารมณ์
เพิ่มสติและไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์ : ผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนเพื่อเพิ่มสติและไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัยและสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

เนื้อหาในการเรียน

การเรียนการสอนจะเริ่มจากขั้นพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นตามลำดับ คอร์สแรกจะเริ่มจากการเรียนรู้ทักษะบนเบาะ เพื่อให้รู้ถึงวิธีในการล้มอย่างปลอดภัยและถูกต้อง สามารถนำไปใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน และจะมีการเพิ่มท่าการคว้าจับเบื้องต้น ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่นำไปสู่ท่าคว้าจับในระดับสูงขึ้น ที่ต้องใช้ความเข้าใจในการฝึกฝน ไม่เน้นการจดจำ เมื่อฝึกฝนมากขึ้นจะมีการทุ่มและการปล้ำเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งของการเรียน

ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงแนะนำให้นักเรียนเรียนคอร์สต่อเนื่องอย่างน้อย 2 คอร์สขึ้นไป เพื่อเพิ่มทักษะความชำนาญ สร้างสัญชาตญาณและศักยภาพในการป้องกันตัว (Self-defense) อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พร้อมรับกับทุกสถานการณ์

ไทฟูโดเน้นหลักสำคัญ 3 ประการ

การฝึกเน้นย้ำพื้นฐาน : การฝึกหัดพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนทักษะพื้นฐานอย่างละเอียดและต่อเนื่อง
การฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป : การฝึกฝนจะดำเนินไปอย่างเป็นลำดับขั้น พร้อมกับการเรียนรู้การควบคุมลมหายใจ เพื่อเสริมสร้างสมาธิและความมั่นคงในการเคลื่อนไหว
การประยุกต์วิธีการป้องกันตัว : ท่วงท่ารำต่างๆ จะถูกปรับให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานจริง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถป้องกันตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ต่างๆ

ไทฟูโดจำแนกรูปแบบการฝึกเป็น 3 ส่วน

การฝึกในท่ายืน
การฝึกในท่านั่ง
การฝึกในท่านอน

ลักษณะของศิลปะไทฟูโดแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ

ไทฟูโดในรูปแบบของมวยแข็ง : เน้นการใช้กำลังและเทคนิคการโจมตีที่มีพลังและความแม่นยำ
ไทฟูโดในรูปแบบของมวยอ่อน : มุ่งเน้นการใช้การย้อนแรง ยืมแรง และผ่อนแรง เพื่อควบคุมและตอบโต้คู่ต่อสู้
ไทฟูโดในรูปแบบหลักการป้องกันตัว (Self-defense) : เน้นการประยุกต์ใช้ท่ารำและเทคนิคต่างๆ เพื่อป้องกันตัวเองในสถานการณ์จริง

ทำไมผมจึงฝึกหลายวิชา?

เมื่อวัยหนุ่ม ผมไม่แบ่งแยกว่ามวยเหนือหรือมวยใต้ มวยไทย มวยจีน มวยญี่ปุ่น มวยเกาหลี มวยอ่อน หรือมวยแข็ง ผมสนใจทุกอย่างที่ครูบาอาจารย์สามารถสอนให้ได้ ผมเรียนทุกอย่าง สาเหตุมาจากตอนเด็ก ผมตัวเล็กและผอม มักถูกเพื่อนๆ รังแก จนวันหนึ่งผมเริ่มฝึกมวยและบอกกับตัวเองว่า “จะไม่ให้ใครมารังแกเราอีก จะไม่ทน ทนไม่ได้ (ซัดมันเลย)”

แต่เมื่อฝึกมวยไปเรื่อยๆ ความคิดก็เปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไป ความตั้งใจของผมก็เปลี่ยนตาม จนในที่สุด ผมมีความตั้งใจที่จะเป็นเสมือนห้องสมุดมวยที่มีชีวิต และ “ใช้มวยเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม”