ข้าวตอกพระร่วงเป็นเหล็กไหลที่พบในแถบภาคเหนือ พบมาก ที่จังหวัดลำพูน เป็นต้น คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ซึ่งเป็นผู้ที่มี สมาธิแก่กล้าและเป็นที่นับถือศรัทธา มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่าน เป็นผู้ที่ค้นพบข้าวตอกพระร่วงที่จังหวัดสุโขทัย โดยท่านได้นิมิต เห็นแร่กายสิทธิ์ชนิดนี้ และได้ติดตามนิมิตนั้นจนค้นพบแร่กายสิทธิ์ ดังกล่าว จึงได้นำแร่กายสิทธิ์นั้นมาทำการอธิษฐานจิตทำให้มีฤทธิ์ ในทางป้องกันภยันตรายได้เป็นอย่างดี และยังสามารถนำมาแช่ในนํ้า เพื่อทำนํ้ามนต์รักษาโรคได้อีกด้วย
ข้าวตอกพระร่วงหรือเป็กนี้เป็นแร่กายสิทธิ์ที่มีความแปลก คือมักมีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีเหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเอาแม่เหล็กมาล่อ จะดูดไม่ติด แต่ถ้าเจียระไนเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วอาจดูดติดได้ทาง ภาคเหนือถือกันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นเหล็กไหลกายสิทธิ์ที่ขึ้นชื่อ ทางด้านคงกระพัน กันอสรพิษ และกันเขี้ยวงาเป็นที่สุด คนสมัยก่อน จะโปรยข้าวตอกพระร่วงไว้รอบคูเมืองและกำแพงเมือง เพื่อป้องกันอาถรรพณ์ของผีป่า เสนียดจัญไร และข้าศึกศัตรู
ข้าวตอกพระร่วง ข้าวพระร่วง ตามตำนานผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบต่อกันมาว่า “ในวันใส่บาตรเทโวที่บนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ เมื่อพระร่วงฉันภัตตาหารเสร็จ ข้าวที่เหลือจากก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัดและทรงอธิษฐานว่า… ให้ ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง และมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน”
ดังนั้น ข้าวตอกพระร่วงที่ชาวบ้านเรียกขานกันจึงหมายถึงหินรูปสี่เหลี่ยมโดยธรรมชาติ ที่ฝังตัวอยู่ในหินก้อนใหญ่ ส่วนข้าวพระร่วงหรือข้าวกับบาตรพระร่วงนั้นจะมีลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสุกฝัง ตัวอยู่ในหินสีดำ
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านธรณีวิทยา ได้ตรวจสอบแล้วสรุปว่า แร่ที่ชาวบ้าน เรียกว่าข้าวตอก พระร่วงนี้ คือ แร่โลหะชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “แร่ไพไรต์” นั่นเอง อีกชนิดหนึ่งมีลักษณะ คล้ายเม็ดข้าวสารฝังจม ปนอยู่ในหินแร่เหล่านี้ด้วย ชาวบ้าน เรียกว่า ข้าวสารพระร่วง ทั้งสอง ชนิดนี้เป็นที่นิยมกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดมีไว้ถือว่าเป็นสิริมงคล มีความสุขความเจริญด้วย โภคทรัพย์ต่างๆ นอกจากนั้นยังนิยม นำมาฝนกับ แผ่นกระเบื้องบดยาหยดนํ้าลงไปด้วย ขณะที่ฝนแล้วนำนํ้านั้นมาทาบริเวณที่ถูกพิษแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า ตะขาบ มด แมลงป่อง ก็จะหายจากอาการเจ็บปวดอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง ชาวบ้านนิยมนำมาดับพิษแมลงเวลาถูกต่อย จะใช้กันอย่าง แพร่หลายด้วยความศรัทราส่วนคนเฒ่าคนแก่ที่กินหมากนั้น จะนิยมนำข้าวตอก พระร่วงมาใส่ปนกับสีผึ้งทาปากตลับละหนึ่งถึงสองเม็ด เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะเชื่อว่ามีเมตตา มหานิยมดี โดยเฉพาะเม็ดที่ติดกันชาวบ้านเรียกว่า “อมกัน” นิยมกันมากว่ามีเมตตามหานิยมมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันจึงค่อนข้างหายาก สาเหตุที่เป็นที่นิยมของชาวบ้านว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ทั้งนี้เพราะมีความ เชื่อ เกี่ยวกับเรื่อง พระร่วงวาจาสิทธิ์ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จมาประพาสป่า หยุดเสวย พระกระยาหารกลางวันแล้ว จึงนำข้าวโปรยไว้บนเขาพระบาทใหญ่แล้วกล่าวว่า จงเป็นข้าวตอกดอกไม้ ดังนั้นจึงกลายเป็น ข้าวตอกพระร่วง ข้าวสารพระร่วง ตามวาจาสิทธิ์นั้น ข้าวตอกพระร่วง เชื่อกันว่าเป็นของขลังและศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันอสรพิษได้ ถ้าถูกแมลงมีพิษกัดต่อยให้เอาหินก้อนนั้นกดทับตรงบาดแผลจะระงับพิษได้ บางคนก็เอามาเลี่ยมทำเครื่องประดับใช้เป็นเครื่องราง